รีวิว Jack Reacher 2 ของหนังเรื่องนี้เป็นภาคต่อจากภาคแรก 4 ปี Jack Reacher เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายชื่อดังของ Lee Child อีกหนึ่งวีรบุรุษผู้โด่งดังในโลกวรรณกรรมที่ถูกนำมาสร้างเป็นหนัง โดยในนิยายต้นฉบับ Lee ได้เขียนเรื่องราววีรกรรมของ Jack Reacher อย่างต่อเนื่องถึง 21 เล่ม โดยภาคแรกหยิบเนื้อหามาจากเล่มที่ 9 ส่วน Never Go Back หยิบมาจากเล่มที่ 18 และใช้ชื่อเดียวกับนิยาย
ด้วยเหตุนี้เนื้อหาจึงไม่ต่อเนื่อง ใครที่ยังไม่ได้ดูภาค 1 ก็สามารถชมภาคนี้ได้โดยไม่รู้สึกว่าพลาดอะไรไป เพราะไม่มีการกล่าวถึงเนื้อหาในภาคก่อนๆ และไม่มีตัวละครอื่นๆ ที่ต่อเนื่องกัน ในภาคนี้ Jack Reacher ตกหลุมรักพันเอกสาวสวย Susan Turner จึงโทรหาเธอตลอดเวลาและส่งเบาะแสเกี่ยวกับอาชญากรให้เธอสร้างผลงานอยู่เรื่อยๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือวีรกรรมในการจับนายอำเภอทุจริตที่เราเห็นในตัวอย่างหนังนั่นเอง วันหนึ่งแจ็คแอบไปหาซูซานที่ค่ายทหารเพื่อเซอร์ไพรส์เธอ แต่กลับพบว่าซูซานถูกจับและติดคุกในข้อหาฉ้อโกงกองทัพ แจ็คมั่นใจว่าซูซานบริสุทธิ์ จึงออกค้นหาเบาะแส แต่เขากลับถูกกองทัพขัดขวาง ซึ่งดูเหมือนจะรู้ว่า
แจ็ค รีชเชอร์จะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่นอน เขาจึงเตรียมรับมือกับเรื่องนี้อย่างดีโดยขุดคุ้ยประวัติของแจ็คขึ้นมา และพบว่าภรรยาและลูกๆ ของแจ็คฟ้องเขาผ่านกองทัพเพื่อเรียกค่าเลี้ยงดูบุตร แต่ยิ่งแจ็คสืบสวนมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งถูกตามล่าโดยมือสังหาร ซึ่งขยายไปถึงแซม เด็กสาววัย 15 ปีที่แจ็คยังคงสับสนว่าเธอเป็นลูกสาวของเขาหรือไม่ และก่อนที่ซูซานจะถูกฆ่า แจ็คต้องบุกเข้าไปช่วยเธอออกจากคุก แจ็ค ซูซาน และแซมต้องหลบหนีการไล่ล่าของกองทัพ และในเวลาเดียวกันก็ต้องหาวิธีค้นหาว่ากองทัพพยายามซ่อนอะไรอยู่ และดึงหน้ากากของวายร้ายตัวจริงออกมา
เป็นส่วนที่ดุเดือดและเข้มข้น เนื้อหาดำเนินไปอย่างรวดเร็วมาก ในช่วง 15 นาทีแรกนั้นเต็มไปด้วยปริศนาและวิกฤตมากมาย ทั้งอันตรายอันมืดมนที่คุกคามพันเอกซูซานและเรื่องของลูกสาวของแจ็ค เป็นเรื่องจริงที่นักวิจารณ์หนังสือกล่าวว่า Never Go Back เป็นส่วนที่ดีที่สุดของซีรีส์ Jack Reacher และให้ความรู้สึกสนุกและน่าสนใจมากกว่าภาคแรกมาก แม้ว่าจะไม่มีฉากแอ็กชั่นที่น่าตื่นตาตื่นใจก็ตาม ทุกๆ นาทีที่ผ่านไป คุณจะพบกับตัวละครใหม่ปรากฏขึ้นและมีส่วนร่วม ยิ่งคุณสืบสวนมากขึ้น เจ้าหน้าที่ระดับสูงก็อยู่เบื้องหลัง ดูเหมือนว่าพวกเขาเป็นคู่แข่งมากกว่าแจ็ค ในส่วนนี้
รีวิว Jack Reacher 2 Never Go Back สนุกกว่าภาคก่อน
แจ็คไม่ใช่ผู้นำเพียงคนเดียว แต่คอลบี้กลับได้รับความสนใจ สมัลเดอร์สซึ่งรับบทพันเอกซูซาน เป็นเจ้าหน้าที่หญิงที่ไม่ยอมจำนนต่อแจ็ค อย่าคิดว่าเธอเป็นผู้หญิง ถ้าเธอทำได้ ฉันก็ทำได้เหมือนกัน เราได้เห็นคอลบี้แสดงฉากแอ็กชั่นในบทบาทของเอเจนต์มาเรีย ฮิลล์จาก The Avengers แล้ว นี่เป็นภาพยนตร์แอ็กชั่นอย่างชัดเจน ดังนั้นเราจะได้เห็นคอลบี้แสดงฉากต่อสู้ที่เข้มข้นมากขึ้น ในบทบาทของแซม ลูกสาวลึกลับของแจ็ค
เธอไม่ได้ทำหน้าที่เป็นภาระให้กับทีม เธอยังคงใช้ความชั่วร้ายของเธอให้เป็นประโยชน์อยู่หลายครั้ง ตัวร้ายในภาคนี้เป็นนักฆ่านิรนามที่เก่งกาจและโหดร้ายมาก ภาพยนตร์ที่มีตัวร้ายแบบนี้ช่วยยกระดับสถานะของภาพยนตร์ให้น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความปลอดภัยของฮีโร่ และผู้ชายคนนี้มีฝีมือมาก ทั้งด้วยมือเปล่าและอาวุธ แม้แต่แจ็คและซูซานยังรุมล้อมเขา แต่ก็ยังไม่สามารถจัดการเขาได้ เป็นผลให้ฉากแอ็กชั่นในตอนท้ายนั้นดำเนินไปอย่างเข้มข้นมาก สมกับเป็นฉากไคลแม็กซ์รีวิว Jack Reacher 2
ส่วนหนึ่งของเครดิตสำหรับภาพยนตร์ดัดแปลงเรื่องนี้เป็นของ Richard Wenk ซึ่งมีผลงานล่าสุด ได้แก่ The Magnificent Seven (2016), The Equalizer (2012) และ The Mechanic (2006) ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีผู้กำกับมากประสบการณ์อย่าง Edward Zwick ซึ่งเคยร่วมงานกับ Tom Cruise ใน The Last Samurai (2003) มาก่อน เขาไม่ได้เก่งเรื่องภาพยนตร์แนวแอ็กชั่นมากนัก แต่ถนัดเรื่องดราม่าที่เน้นแอ็กชั่นหนักๆ มากกว่า ซึ่งเห็นได้จากผลงานคลาสสิกของเขา เช่น Legend Of The Fall (1994), Courage Under Fire (1996) และ Blood Diamond (2006)
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ Wenk ได้แสดงทักษะของเขาในฐานะผู้กำกับมากประสบการณ์ โดยแสดงให้เราเห็นว่าภาพยนตร์แอ็กชั่นสามารถสนุกได้โดยไม่ต้องมีฉากระเบิดขนาดใหญ่หรือ CG นอกจากนี้ เขายังจบด้วยดราม่าสุดประทับใจตามสไตล์ของเขาเองด้วย ดูเหมือนว่าส่วนนี้จะได้รับการยอมรับจาก Lee Child ซึ่งเป็นผู้แต่งนวนิยายเรื่องนี้มากกว่า เพราะในตอนแรก Lee ดูเหมือนจะไม่พอใจที่ Tom Cruise รับบทเป็น Jack Reacher ซึ่งแตกต่างจากภาพลักษณ์ที่เขาบรรยายไว้มาก เพราะ Jack Reacher ตัวใหญ่มาก สูง 195 ซม. ในขณะที่ Tom Cruise สูงเพียง 170 ซม.
เตี้ยกว่านางเอก Colby ที่สูง 173 ซม. เสียอีก แต่ในภาคนี้ Lee ก็คงยอมรับและได้ไปปรากฎตัวเป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบ้างเล็กน้อย โดย Lee ได้รับการสัมภาษณ์ว่าไม่จำเป็นต้องสนใจที่ Tom Cruise ไม่เหมือน Jack Reacher ที่เขาบรรยายไว้ เพราะตัวหนังเองก็ไม่ตรงกับนิยายเช่นกัน แต่สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านนิยาย Jack Reacher: Never Go Back เป็นหนังแอคชั่นที่ดูสนุก มีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ เปิดโหมดการชมหนังแอคชั่นฮอลลีวูดก่อนดู อย่ายึดติดกับเหตุผลของความสมจริงมากเกินไป รับรองว่าดูสนุกแน่นอน